* ผิวหนังแห้ง เป็นปัญหาทางผิวหนังที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในหน้าหนาว โดยจะมี ลักษณะแห้งและมีขุย พบได้มากในคนที่สูงอายุ บุรุษ-สตรีวัยทอง ซึ่งมักจะทำให้ เกิดอาการคัน ทำให้ต้องเกา การเกาบ่อยๆ จะนำมาให้เกิดการเพิ่มการคัน อักเสบ และ เป็นแผลในภายหลัง
* บริเวณที่พบภาวะผิวแห้งได้บ่อย คือ บริเวณหน้าแข้ง หลังมือ แขน และผิวหนัง ทั่วร่างกา
ย ถ้าผิวหน้าแห้งบ่อยๆ อาจทำให้เกิดปัญหาฝ้า ริ้วรอยเหี่ยวย่น แก่ก่อนวัยอันควร ในรายที่เป็นมากๆ ชั้นผิวหนังด้านบนจะหดตัว แห้งแตกเป็นร่องได้
* สาเหตุ มักเกิดจากการขาดน้ำในส่วนผิวหนังส่วนนอก ซึ่งอาจเกิดจากความชื้นของ อากาศน้อย เช่นในหน้าหนาว หรืออยู่ในห้องปรับอากาศนานๆ การใช้สบู่ที่ชำระล้าง ไขมันบนผิวหนังมากเกินไป แต่บางครั้งอาจเกิดจากโรคภายในร่างกายได้อาทิ โรคทาง ต่อมทัยรอยด์ เป็นต้น
* แนวทางในการวินิจฉัย แพทย์จะทำการค้นหาสาเหตุเบื้องต้นดังนี้
1. ต้องซักประวัติ แยกจากโรคภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis) โรคทางระบบ ต่อมไร้ท่อ เช่น ทัยรอยด์ หรือโรคทางพันธุกรรมอย่างอื่น :
2. ประวัติการเกิดโรค ประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้
3. พฤติกรรมการทำความสะอาดผิวหนัง เช่น ชนิดของสบู่ ความบ่อยในการอาบน้ำ เป็น ต้น
* การป้องกันและรักษาปัญหาผิวแห้ง หลักการก็คือ เพื่อป้องกันการเสียน้ำจากผิว หนังมากขึ้น และเพิ่มปริมาณน้ำที่เสียไปให้กับผิวหนัง ดังนี้
1. การอาบน้ำ ไม่ควรอาบน้ำบ่อย น้ำที่อาบควรเป็นน้ำอุ่น ไม่ร้อนจัด อุณหภูมิ ประมาณ 34 องศาC
2. ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ ให้พอดีรู้สึกสบาย
3. เพิ่มความชื้นให้กับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้เครื่องเพิ่มความ ชื้น(Ultrasonic humidifiers)
4. ทาครีมที่ลดการสูญเสียน้ำ อาทิ สารพวก Vaseline, Petrolatum ,Lanolin,Ceramide
5. เพิ่มการดึงน้ำจากอากาศเข้าผิวหนัง โดยใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ 20-45 % Propylene Glycol ,Glycerine ,Urea,Ceramide
6. การทาครีมที่มีส่วนผสมของ AHAs,Salicylic acid,Lactic aicd จะช่วยลดความ หนาของผิวหนัง ลดการตึงตัว ทำให้ผิวหนังนุ่มนวลขึ้นได้
7. การใช้ครีมทาแก้แพ้ หรือแก้คัน ที่มีส่วนผสมของสารเสตียรอยด์ ควรทาเท่าที่ จำเป็น เพราะมีผลข้างเคียงทำให้ผิวแห้งมากขึ้นได้ และ ไม่ควรเกา
8. หลีกเลี่ยงการอบซาวน่า หรือ การขัดผิว การกรอผิว
9. เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้า หรือทำความสะอาดผิวกายที่ไม่มีความเป็นกรด หรือ ด่างแรงๆ ควรใช้สบู่ เจล หรือโฟมอ่อนๆ ที่มีสารเคลือบผิว
10. ใช้ครีมบำรุงทาเป็นประจำ
เรียบเรียงโดยนพ.จรัสพล รินทระ
* บริเวณที่พบภาวะผิวแห้งได้บ่อย คือ บริเวณหน้าแข้ง หลังมือ แขน และผิวหนัง ทั่วร่างกา
ย ถ้าผิวหน้าแห้งบ่อยๆ อาจทำให้เกิดปัญหาฝ้า ริ้วรอยเหี่ยวย่น แก่ก่อนวัยอันควร ในรายที่เป็นมากๆ ชั้นผิวหนังด้านบนจะหดตัว แห้งแตกเป็นร่องได้
* สาเหตุ มักเกิดจากการขาดน้ำในส่วนผิวหนังส่วนนอก ซึ่งอาจเกิดจากความชื้นของ อากาศน้อย เช่นในหน้าหนาว หรืออยู่ในห้องปรับอากาศนานๆ การใช้สบู่ที่ชำระล้าง ไขมันบนผิวหนังมากเกินไป แต่บางครั้งอาจเกิดจากโรคภายในร่างกายได้อาทิ โรคทาง ต่อมทัยรอยด์ เป็นต้น
* แนวทางในการวินิจฉัย แพทย์จะทำการค้นหาสาเหตุเบื้องต้นดังนี้
1. ต้องซักประวัติ แยกจากโรคภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis) โรคทางระบบ ต่อมไร้ท่อ เช่น ทัยรอยด์ หรือโรคทางพันธุกรรมอย่างอื่น :
2. ประวัติการเกิดโรค ประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้
3. พฤติกรรมการทำความสะอาดผิวหนัง เช่น ชนิดของสบู่ ความบ่อยในการอาบน้ำ เป็น ต้น
* การป้องกันและรักษาปัญหาผิวแห้ง หลักการก็คือ เพื่อป้องกันการเสียน้ำจากผิว หนังมากขึ้น และเพิ่มปริมาณน้ำที่เสียไปให้กับผิวหนัง ดังนี้
1. การอาบน้ำ ไม่ควรอาบน้ำบ่อย น้ำที่อาบควรเป็นน้ำอุ่น ไม่ร้อนจัด อุณหภูมิ ประมาณ 34 องศาC
2. ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ ให้พอดีรู้สึกสบาย
3. เพิ่มความชื้นให้กับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้เครื่องเพิ่มความ ชื้น(Ultrasonic humidifiers)
4. ทาครีมที่ลดการสูญเสียน้ำ อาทิ สารพวก Vaseline, Petrolatum ,Lanolin,Ceramide
5. เพิ่มการดึงน้ำจากอากาศเข้าผิวหนัง โดยใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ 20-45 % Propylene Glycol ,Glycerine ,Urea,Ceramide
6. การทาครีมที่มีส่วนผสมของ AHAs,Salicylic acid,Lactic aicd จะช่วยลดความ หนาของผิวหนัง ลดการตึงตัว ทำให้ผิวหนังนุ่มนวลขึ้นได้
7. การใช้ครีมทาแก้แพ้ หรือแก้คัน ที่มีส่วนผสมของสารเสตียรอยด์ ควรทาเท่าที่ จำเป็น เพราะมีผลข้างเคียงทำให้ผิวแห้งมากขึ้นได้ และ ไม่ควรเกา
8. หลีกเลี่ยงการอบซาวน่า หรือ การขัดผิว การกรอผิว
9. เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้า หรือทำความสะอาดผิวกายที่ไม่มีความเป็นกรด หรือ ด่างแรงๆ ควรใช้สบู่ เจล หรือโฟมอ่อนๆ ที่มีสารเคลือบผิว
10. ใช้ครีมบำรุงทาเป็นประจำ
เรียบเรียงโดยนพ.จรัสพล รินทระ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น